ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3


หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
วัยและการเปลี่ยนแปลง

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.  เพราะเหตุใด จึงเรียกวัยผู้ใหญ่ว่า วัยวิกฤต
ก.  เพราะเป็นวัยที่ประสบความสำเร็จ หรือความล้มเหลวได้ง่าย
     ข.  เพราะเป็นวัยที่สามารถเจ็บป่วยได้ง่าย และเสียชีวิตสูง
ค.  เพราะมีอารมณ์แปรปรวนง่าย และมีความเครียดสูง
     ง.  เพราะเป็นวัยที่ตั้งความหวังกับชีวิตไว้สูงมาก
2.  บุคคลในวัยใดที่มีความอดทนสูงและมีความสามารถ ในการแก้ไขปัญหามากที่สุด
ก.  วัยเรียน                          ข. วัยผู้ใหญ่          
      ค.  วัยสูงอายุ                        ง. วัยชรา 
3.  ข้อใดไม่ใช่พฤติกรรมที่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
     ก.  ไม่ชอบเล่นกับใคร             
     ข.  มักหวงของเล่น
     ค.  ชอบแบ่งปัน                 
     ง.  ไม่สนใจใคร
4.  ต่อมไทรอยด์มีขนาดเล็กลง จะส่งผลต่อสุขภาพของ
       ผู้สูงอายุอย่างไร
       ก.  ส่งผลทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง
       ข.  ส่งผลทำให้ร่างกายเกิดการอ่อนเพลีย
       ค.  ส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวาน
       ง.  ส่งผลทำให้เบื่ออาหาร
5.  การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ประเภทก้าวร้าวจะแสดงออกในลักษณะใด
ก.  หดหู่                              ข.  ตื่นเต้น
      ค.  วิตกกังวล                        ง.  เกลียดชัง
6. ต่อมไร้ท่อในข้อใด ถ้าทำงานน้อยเกินไปจะส่งผลทำให้
     ร่างกายเกิดความแคระแกร็น
     ก.  ต่อมพิทูอิตารี                  ข.  ต่อมไทรอยด์
     ค.  ต่อมไพเนียล                   ง.  ต่อมไทมัส
7.  ต่อมไร้ท่อในข้อใด ทำหน้าที่พิเศษในการเก็บธาตุไอโอดีน
 ก.  ต่อมไพเนียล                     ข.  ต่อมพิทูอิตารี
        ค.  ต่อมไทมัส                       ง.  ต่อมไทรอยด์
8.  การเจริญเติบโตในข้อใดที่ไม่เป็นไปตามแบบแผนที่แน่นอน
     ก.  จากแกนกลางลำตัวออกไปสู่เท้า
     ข.  จากแกนกลางลำตัวออกไปสู่มือ
     ค.  จากศีรษะสู่ลำตัว
     ง.  จากศีรษะสู่เท้า
9.  ข้อใดเรียงลำดับพัฒนาการทางด้านร่างกายได้ถูกต้อง
     ก.  ชันคอ เกาะยืน พลิกหงาย
     ข.  ชันคอ พลิกคว่ำ เกาะเดิน
     ค.  ตั้งไข่ เกาะเดิน นอนขดตัว
     ง.  คืบ ชันคอ นั่งทรงตัวเองได้
10.  เด็กในวัยใดมักจะอายเมื่อถูกล้อเลียนว่า ฟันหลอ
     ก.  เด็กวัยทารก                  
ข.  เด็กวัยก่อนเรียน
     ค.  เด็กวัยเรียน                  
ง.  วัยรุ่น




หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
อิทธิพลและความคาดหวังของ สังคมต่อพัฒนาการของวัยรุ่น
        
คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. สื่อประเภทใดที่มีผลต่อพฤติกรรมของวัยรุ่นมากที่สุด
ก.หนังสือพิมพ์
ข.อินเทอร์เน็ต
ค.    โทรทัศน์
ง.     วิทยุ    
2. อินเทอร์เน็ตส่งผลกระทบต่อวัยรุ่นมากที่สุดอย่างไร
ก.     ขาดสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อน
ข.     ทำให้มองโลกในแง่ร้าย หวาดกลัว
ค.    ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ผิดเพี้ยนไป
       ง.  อยู่ในโลกแห่งจินตนาการ ทำให้เกิดภาวะแยกตัว
            ออกมาจากสังคม
3. ข้อใดเป็นความคาดหวังทางสังคมต่อวัยรุ่น
ก.     กล้าแสดงออก
ข.     เป็นผู้นำของชุมชน
ค.    สร้างชื่อเสียงให้กับสังคม
ง.     มีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น
4. วัยรุ่นที่มีพฤติกรรมแสดงว่าสามารถรับผิดชอบครอบครัวได้
    จะมีลักษณะอย่างไร
ก.     ส่งการบ้านได้ทันเวลา
ข.     ช่วยเหลืองานบ้านได้
ค.    แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย
ง.     ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
5. ข้อใดม่ใช่บทบาทของโรงเรียนที่มีต่อวัยรุ่น
ก.     เป็นศูนย์กลางกิจกรรมนอกเวลาราชการ
ข.     ประยุกต์ประเด็นร่วมสมัยในเวลาเรียน
ค.    จัดกิจกรรมที่เน้นเพียงความบันเทิง
แนะแนวให้คำปรึกษา
6. ข้อใดเป็นการหาพฤติกรรมทดแทนมาแทนที่พฤติกรรมที่ 
    ไม่ต้องการอย่างเหมาะสม
ก.  การเล่นดนตรี                ข.  การเล่นเกมออนไลน์
ค.  การเล่นกีฬาผาดโผน        ง.  การเรียนพิเศษอย่างหนัก
7.  ข้อใดเป็นผลดีที่เกิดจากการฝึกให้วัยรุ่นจัดการกับความเสี่ยง
ด้วยตนเอง
ก.     เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
ข.     เข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้น
ค.    รู้จักความผิดพลาด
ง.     มองโลกในแง่ดี
8.  การส่งเสริมพฤติกรรมให้ลูกที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นเกิดการเรียนรู้
ให้ครบทุกด้าน ควรทำอย่างไร
ก.     สังเกตจุดอ่อน และช่วยสร้างทักษะใหม่ที่สามารถเอาชนะจุดอ่อนได้
ข.     ให้รางวัลในพฤติกรรมที่ดี
ค.    เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก
ง.     คอยจ้ำจี้จ้ำไช
9.  ความสัมพันธ์ที่แสดงออกต่อเพื่อนในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย   จะมีลักษณะอย่างไร
ก.     มีความเข้าใจกันดีเป็นบางช่วง
ข.     มีความเชื่อมั่นต่อกันน้อย
ค.    มั่นคงและราบเรียบ
ง.     ไม่ไว้วางใจกัน
  10. บุคคลในวัยใดที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนมากที่สุด
ก.  วัยเด็ก                           ข.  วัยรุ่น
ค.  วัยทำงาน                     ง.  วัยผู้ใหญ่



หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
อนามัยเจริญพันธุ์และการตั้งครรภ์

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1.  โรคในข้อใดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด
ก.     โรคเบาหวาน โรคดาวน์ซินโดรม
ข.     โรคธาลัสซีเมีย โรคหนองใน
ค.    โรคมะเร็ง โรคแผลริมอ่อน
ง.     โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส
2.  หญิงตั้งครรภ์ควรปฏิบัติตนอย่างไร
ก.     ออกกำลังกายอย่างหนักเป็นประจำทุกวัน
ข.     หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และสารเสพติดทุกชนิด
ค.    นอนพักผ่อน และเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด
ง.     ออกไปสังสรรค์นอกบ้านกับเพื่อนสนิทอย่างสม่ำเสมอ
3.  ข้อใดไม่ใช่ผลจากการที่มารดาเสพสารเสพติดขณะตั้งครรภ์
ก.     ทารกมีร่างกายแข็งแรง เพราะร่างกายได้ต่อสู้กับ      สารเสพติดตั้งแต่ในครรภ์มารดา
ข.     ทารกสมองพิการ มีปัญหาด้านพัฒนาการ
ค.    ทารกในครรภ์ติดสารเสพติดด้วย
ง.     ทารกคลอดก่อนกำหนด
4.  โรคในข้อใดไม่ใช่โรคติดต่อทางพันธุกรรม
ก.     โรคดาวน์ซินโดรม
ข.     โรคไวรัสตับอักเสบบี
ค.    โรคเบาหวาน
ง.     โรคธาลัสซีเมีย
5.  เพราะเหตุใด แม่จึงควรให้นมบุตรด้วยตนเอง
ก.     เพราะเด็กทารกไม่สามารถรับประทานอาหาร        อย่างอื่นได้
ข.     เพราะนมแม่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกและส่งผล  ที่ดีต่อจิตใจของทารก
ค.    เพราะไม่สามารถไว้ใจคนอื่นได้
ง.     เพื่อแสดงความรักที่มีต่อลูก

6.  ข้อใดกล่าวถึงอนามัยเจริญพันธุ์ไม่ถูกต้อง
ก.    การมีความพึงพอใจทางเพศ
ข.    การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
ค.    การมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ
ง.     สภาวะที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับการสืบทอดเผ่าพันธุ์
       ทางด้านต่างๆ
7.  เมื่อแฟนหนุ่มขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย นักเรียนจะปฏิเสธ
      อย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
ก.    “ปล่อยฉันนะ ไว้รอวันที่เราแต่งงานกันดีกว่า”
ข.    “อย่านะ ถ้าเธอทำอย่างนี้ฉันจะเลิกคบกับเธอ”
ค.    “เราสองคนยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวนะ”
ง.“อย่าเพิ่งเลย มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม”
8.  วัยของนักเรียนถือเป็นวัยเจริญพันธุ์หรือไม่ เพราะอะไร
ก.    เป็น เพราะเป็นวัยที่เพศหญิงมีประจำเดือนแล้ว
ข.    เป็น เพราะเป็นวัยที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้าน
       ร่างกายและจิตใจ
ค.    ไม่เป็น เพราะเป็นวัยที่ยังทำงานหาเงินเองไม่ได้  
ง.     ไม่เป็น เพราะยังอยู่ในวัยเรียน
9.  การวางแผนครอบครัวมีประโยชน์อย่างไร
ก.    ช่วยให้ครอบครัวมีความพร้อมในด้านต่างๆ
ข.    ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน
ค.    ช่วยให้เลือกคู่ครองได้อย่างเหมาะสม
ง.     ช่วยให้ครอบครัวอบอุ่น
10.  ใครวางแผนครอบครัวได้อย่างเหมาะสม
ก.    ออมมีลูกเพียงคนเดียว เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย  ในการเลี้ยงดู
ข.    เอมมีลูกมากๆ เพื่อจะได้ดูแลพ่อแม่ตอนชรา
ค.    ออยและคนรักตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน
โอ๋แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย


หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
การสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ครอบครัวจะมีความสุข ขึ้นอยู่กับสิ่งใด
ก.     มีความรักความเข้าใจในครอบครัว
ข.     มีเพื่อนบ้านมากๆ
ค.    มีบ้านหลังใหญ่โต
ง.     มีเงินใช้มากๆ
2.  การสอนลูกให้เป็นผู้ใหญ่ไม่นิยมใช้ความรุนแรง สามารถ  
    ทำได้อย่างไร
ก.     ครอบครัวจะต้องไม่เคยเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน
ข.     ไม่ใช้คำพูดรุนแรงหรือใช้กำลังในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ค.    ยกตัวอย่างการแก้ปัญหาความขัดแย้งให้ลูกเข้าใจ
ง.     ให้ลูกแก้ปัญหาอย่างมีสติ
3.  การเลี้ยงลูกแบบตามใจทุกอย่าง ตรงกับข้อใดมากที่สุด
       ก.  รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี    ข.  เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง
       ค.   วัวหายล้อมคอก           ง.  พ่อแม่รังแกฉัน
4.  พฤติกรรมในข้อใด สามารถลดความขัดแย้งระหว่าง      
       สามีภรรยาได้
ก.     ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่
ข.     ไม่มีเวลาให้กัน
ค.    ไม่จุกจิก จู้จี้
ง.     ไม่ซื่อสัตย์
5.  เทคนิคการพูดเพื่อสร้างสุขในครอบครัว คือข้อใด
ก.     พูดจาส่อเสียด ประชดประชัน    
ข.     พูดจาหยาบคาย ไม่ไพเราะ
ค.    พูด “ขอโทษ” “ขอบคุณ”
ง.     พูดนินทาคนในบ้าน   
6.  พ่อแม่ที่ดี ควรเป็นเช่นไร
ก.    เป็นผู้มีความรับผิดชอบ รู้หน้าที่
ข.    เป็นที่ปรึกษาที่ดี
ค.    เป็นตัวอย่างที่ดี
ง.     เป็นเพื่อน
 7.  ข้อใดไม่ใช่สามีที่ดี
ก.    ให้ภรรยาดูแลค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
ข.    จดทะเบียนสมรสกับภรรยา
ค.    ซื้อเครื่องแต่งกายให้ภรรยา
ง.     นินทาภรรยาต่อหน้าลูก
 8.  ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าสมาชิก     
    ในครอบครัวเป็นเช่นไร
ก.    มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง
ข.    ขาดการมีสัมมาคารวะ ไม่เคารพผู้อาวุโส
ค.    มีความรู้ ยอมรับฟังผู้อื่น
ง.     มีความรัก ความเมตตา
 9.  ข้อใดคือความสำคัญของครอบครัว
ก.    ให้การศึกษา เลี้ยงดูให้เป็นคนดี
ข.    ให้เงินทอง ให้ความสุขสบาย
ค.    จัดหาอาชีพให้บุตรหลาน
ง.     ให้ความรักความอบอุ่น
10.  บรรยากาศที่ดีภายในครอบครัว คือข้อใด
ก. ทุกคนในบ้านต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
ข.   มีเวลาให้ครอบครัว สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ค.   พูดคุยกัน ทักทายกัน
ง.   ทำงานบ้านร่วมกัน


หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
อาหารที่เหมาะสมกับวัย

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.  การดูแลรักษาสุขภาพที่ดี ควรปฏิบัติอย่างไร
ก.     ทาน้ำหอมเมื่อไม่ได้อาบน้ำ
ข.     ดื่มน้ำน้อยๆ ฟันจะได้สวย
ค.    แปรงฟันเฉพาะตอนเช้า
ง.     ดื่มนมเป็นประจำทุกวัน
2.  รายการอาหารใน 1 วัน ข้อใดเหมาะสมกับเด็กวัยเรียนมากที่สุด
ก.  โจ๊กหมูใส่ไข่ ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว ข้าวแกงเขียวหวานหมู
ข.  ข้าวไข่เจียว ข้าวขาหมู ไข่ตุ่น
ค.  ข้าวต้มกุ้ง ส้มตำ ข้าวหมกไก่
ง.   น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ยำวุ้นเส้น
3.  ข้อใดไม่ใช่หลักโภชนบัญญัติ
ก.  หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสจัด
ข.  กินพืชผักและผลไม้เป็นประจำ
ค.  กินเนื้อสัตว์ติดมันมากๆ
ง.   ดื่มนมให้เหมาะสมกับวัย
4.  เพราะเหตุใด เราจึงควรกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
ก.  ทำให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน       
ข.  ทำให้เลือกซื้ออาหารได้ง่าย
ค.  ทำให้มีหน้าตาสวยงาม
ง.     ทำให้มีรูปร่างดี
5.  ถ้ามื้อเช้ากินข้าวต้มแล้ว มื้อกลางวันควรกินอาหารตาม  
     ข้อใด จึงจะตรงตามหลักโภชนบัญญัติ
       ก.   ยำผลไม้                    ข.  ก๋วยเตี๋ยว
       ค. สลัดผัก                      ง.  ส้มตำ  
6.  ข้อใดเป็นการปฏิบัติตามธงโภชนาการ
ก.  เด็กวัยรุ่นควรกินอาหารประเภทวิตามินเป็นหลัก
ข.  เด็กวัยเรียนควรงดกินอาหารเช้า
ค.  ผู้ใหญ่ควรดื่มนมสด วันละ 1 แก้ว
ง.     ผู้สูงอายุควรกินเนื้อสัตว์ให้มากๆ
7.  พฤติกรรมใดต่อไปนี้ไม่ใช่โภชนบัญญัติ
ก.  การออกกำลังกายเป็นประจำ
ข.  การดื่มน้ำชา กาแฟ
ค.  การดื่มนมสด
ง.  การเล่นกีฬา
8.  นักเรียนคิดว่า พฤติกรรมใดที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร
ก.  แปรงฟันหลังจากตื่นนอนตอนเช้า
ข.  กินอาหารที่มีรสเผ็ดจัด
ค.  ล้างมือก่อนกินอาหาร
ง.  ดื่มน้ำมากๆ
9.  พฤติกรรมสุขภาพที่ดี คือพฤติกรรมในข้อใด
ก.  ออกกำลังกายเป็นประจำ
ข.  ใช้ยาไม่ตรงกับโรค
ค.  ดื่มสุรา
ง.  สูบบุหรี่
10.   พฤติกรรมเกี่ยวกับสุขภาพใดที่ควรปรับปรุง
ก.  รับประทานอาหารมื้อเย็นน้อย
ข.  ตรวจสุขภาพปีละ 1 ครั้ง
ค.  อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง
      ง.   ไม่ออกกำลังกาย


หน่วยการเรียนรู้ที่ 6
โรคและการป้องกัน

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.  โรคมะเร็งเกิดจากส่วนประกอบใดของร่างกายผิดปกติ
ก.  เม็ดเลือด               ข.  กล้ามเนื้อ
ค.  เนื้อเยื่อ                 ง.  น้ำเหลือง  
2.  ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรปฏิบัติตามข้อใด
ก.     สูบบุหรี่
ข.     ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ค.    ลดการรับประทานอาหารที่เค็มจัด
ง.     ลดปริมาณไขมันรวมในมื้ออาหาร
3.  ข้อใดไม่ใช่การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ก.     สวมถุงยางอนามัยเมื่อร่วมประเวณีกับหญิงขายบริการ
ข.     รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ค.    รักษาความสะอาดของเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม
ง.     ไม่สวมเสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น
4.  สิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมและป้องกันโรคคือข้อใด
ก.     ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชน
ข.     การให้บริการสุขภาพจากหน่วยงานของรัฐและเอกชน
ค.    การวางแผนการดำเนินงานการบริการสุขภาพที่ชัดเจนของรัฐ
ง.     ความร่วมมือร่วมใจและการสนับสนุนอย่างจริงจังระหว่างประชาชน และหน่วยงานของรัฐและเอกชน
5.  โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะส่วนใด
ก.     ตับอ่อน                   ข.  ตับ
       ค.   ม้าม                       ง.   ไต
6.  ข้อใดเป็นการป้องกันโรคที่นักเรียนควรปฏิบัติ
ก.     ทำงานหนักมากๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง
ข.     นอนรวมกันมากๆ ยุงจะได้ไม่กัด
ค.    กินยาป้องกันเมื่อมีโรคระบาด
ง.     ออกกำลังกายเป็นประจำ
 7. โรคติดต่อมักจะเป็นกับบุคคลใดได้ง่ายที่สุด
ก.    คนอ่อนโยน  
ข.    คนอ่อนแอ
ค.    คนเข้มแข็ง
ง.     คนอ่อนหวาน
 8. วิธีการใดสามารถป้องกันโรคติดต่อได้
 ก.  รักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ
 ข.  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
 ค.  กินอาหารที่มีประโยชน์
      ง.  พักผ่อนให้เพียงพอ
 9.  โรคไข้หวัดนกที่เกิดในประเทศไทยเป็นไวรัสชนิดใด
ก.    ชนิดที่ไม่ติดต่อถึงกัน
ข.    ชนิดรุนแรงปานกลาง
ค.    ชนิดรุนแรงมาก
ง.     ชนิดรุนแรงน้อย
10. โรคเอดส์เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโรคชนิดใด
ก.    เชื้อแบคทีเรีย
ข.    เชื้อรา
ค.    เชื้อปรสิต
ง.     เชื้อไวรัส

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7
การสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.  ข้อใดไม่ใช่พฤติกรรมด้านส่งเสริมสุขภาพ
ก.     พบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ข.     ควบคุมน้ำหนักโดยใช้ยาลดความอ้วน
ค.    ควบคุมน้ำหนักโดยลดปริมาณอาหาร
ง.     ออกกำลังกาย
2.  ถ้านักเรียนเป็นหัวหน้าฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ จะจัดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในฝ่าย จะเริ่มดำเนินงานขั้นตอนใดก่อน
ก.     รวบรวมข้อมูลและหาปัญหาความต้องการในการ     
ฝึกอบรม
ข.     ดำเนินการอบรมแก่เจ้าหน้าที่ในด้านวิชาการ
ค.    เขียนโครงการและขออนุมัติเงินสนับสนุน
ง.     ศึกษาหาความรู้และค้นคว้าข้อมูล             
3.  เป้าหมายและหลักการของการส่งเสริมสุขภาพในชุมชน
       คือข้อใด
ก.     การใช้การรักษาพยาบาลตามแผนการรักษา 
ข.     การฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย
ค.    การส่งเสริมและการป้องกันโรค
ง.     การป้องกันและควบคุม
  4.  ข้อใดไม่ใช่แนวคิดของคำว่า สุขภาพ
ก.     การมีภาวะสุขภาพสมดุลระหว่างร่างกายจิตใจและสังคม
ข.     ภาวะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บของร่างกาย
ค.    การมีสุขภาพร่างกายจิตใจและสังคมดี
ง.     การมีสุขภาพร่างกายและจิตใจสมบูรณ์
5.  เพราะเหตุใด ในการเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสัมภาษณ์   จึงให้รายละเอียดข้อมูลได้ตรงตามเป้าหมาย
ก.     ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้
ข.     ภาษาที่ใช้มีความชัดเจน เข้าใจง่าย
ค.    มีเนื้อหาที่ตรงกับวัตถุประสงค์
ง.     มีการทดสอบก่อนนำไปใช้จริง
6.  ข้อใดมีผลโดยตรงต่อสุขภาพทางด้านคุณค่าของการวางแผน
      ดูแลสุขภาพในชุมชน
ก.    ช่วยลดภาวะการเจ็บป่วย พิการ และเสียชีวิต
ข.    ช่วยพยากรณ์อนาคตเกี่ยวกับภาวะสุขภาพ
ค.    ช่วยลดภาระและประหยัดทรัพยากร
ง.     ช่วยสร้างความเข้มแข็ง และมั่นคง
 7.  เพราะเหตุใด เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพในชุมชนจึงต้อง
     มีการรวบรวมข้อมูลของปัญหาก่อนทุกครั้ง
ก.     การแก้ปัญหาได้ตรงประเด็นต้องใช้สาเหตุของปัญหานั้น
มาเป็นแนวทาง
ข.     การแก้ปัญหาโดยไม่รู้สาเหตุจะทำให้มีปัญหามากขึ้น
ค.     สาเหตุของปัญหาคือตัวกำเนิดของปัญหา
ง.      ข้อมูลของปัญหาคือการชี้ทางแก้ปัญหา
 8.  ถ้านักเรียนต้องการข้อมูลด้านสุขภาพของชุมชนจะเลือกใช้
      วิธีการใด
ก.    ศึกษาอัตราการป่วยและการตายของประชากรร่วมกับ
           การใช้แบบสอบถาม
ข.    ศึกษาสถิติการเจ็บป่วยของประชาชนและการใช้บริการสุขภาพ
ค.    จัดคลินิกตรวจโรคทั่วไปร่วมกับการใช้แบบสอบถาม
ง.     สอบถามข้อมูลจากอาสาสมัคร
 9.  สถาบันใดที่เริ่มให้บริการพยาบาลอนามัยชุมชนเป็นครั้งแรก   
      ในประเทศไทย
ก.    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ข.    กระทรวงสาธารณสุข
ค.    เทศบาลนครกรุงเทพ
ง.     สภากาชาดไทย
10.  การส่งเสริมสุขภาพมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของนักเรียนอย่างไร
ก.    มีสุขภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และสติดี
ข.    ไม่สามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้
ค.    มีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
ง.     มีการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น


หน่วยการเรียนรู้ที่ 8
การพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1.  ถ้าเกิดการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายไม่ควรปฏิบัติ
     อย่างไร
ก.     ยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงขึ้น เพื่อลดอาการบวม
ข.     กดหรือใช้ผ้าพันบริเวณที่บาดเจ็บ
ค.    พักกล้ามเนื้อบริเวณที่บาดเจ็บ
ง.     ประคบร้อนทันที
2.  เพราะเหตุใด จึงไม่ควรออกกำลังกายทันทีหลังจาก
     รับประทานอาหาร
     ก.  เพราะจะทำให้หน้ามืดและเป็นลมได้ง่าย
     ข.  เพราะจะทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหาร
     ค.  เพราะอาจทำให้เกิดอาการจุกเสียด
     ง.   เพราะร่างกายเกิดการเมื่อยล้า
3.  การพัฒนาตนเองเพื่อพัฒนาสมรรถภาพทางกาย
     สามารถทำได้โดยอาศัยหลักการใด
ก.     เต็มใจ เตรียมตน เติมเต็มความสามารถ
ข.     ทบทวน ฝึกฝน พัฒนา
ค.    เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
ง.     ตั้งตา ตั้งใจ ตั้งมั่น
4.  ถ้านักเรียนต้องการทดสอบความทนทานของการเต้น   
     ของหัวใจ สามารถทดสอบได้โดยวิธีใด
ก.     นั่งงอตัวไปข้างหน้า
ข.     ดันพื้น 30 วินาที
ค.    วิ่งอ้อมหลัก
ง.     วิ่งระยะไกล
5.  ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการพัฒนาสมรรถภาพทางกาย
ก.     ทำให้มีพลังงานสำรองเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมนันทนาการ หรือใช้กรณีฉุกเฉิน
ข.     ทำให้มีบุคลิกภาพดี สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสง่างามคล่องแคล่ว
ค.    ทำให้ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง
ง.     ทำให้รูปร่างดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
6.  การวางแผนปรับปรุงและพัฒนาตนเองควรคำนึงถึงสิ่งต่างๆ 
     ต่อไปนี้ ยกเว้นข้อใด
ก.    การชักชวนบุคคลอื่นเข้าร่วมกิจกรรม
ข.    ความสะดวกสบายในการปฏิบัติ
ค.    วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
ง.     สภาพแวดล้อมและสถานที่
 7.  ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของสมรรถภาพทางกาย
ก.    พลังหรือกำลังของกล้ามเนื้อ
ข.    ความสมดุลหรือการทรงตัว
ค.    ความอดทนในการใช้กำลัง
ง.     ความคล่องตัว
 8.  ใครเป็นผู้มีสุขภาพดี
ก.    สาวรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ
ข.    สวยชอบรับประทานอาหารรสจัด และออกกำลังกาย       
 เมื่อมีเวลา
ค.    สายนิยมรับประทานขนมขบเคี้ยว และไม่ออกกำลังกาย
ง.     สมไม่รับประทานอาหารเย็น เพราะเกรงว่าจะทำให้อ้วน
  9.  เพราะเหตุใด วัยรุ่นจึงควรออกกำลังกายเป็นประจำ
ก.     เพราะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างเต็มที่
ข.     เพราะวัยรุ่นต้องการเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อน
ค.    เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการใช้กำลัง
เพราะทำให้ร่างกายแข็งแรง
10.  ข้อใดอธิบายความหมายของคำว่า สมรรถภาพทางกายได้ถูกต้องที่สุด
ก.ความสามารถของระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ข.  ความสมบูรณ์ของร่างกายในการทนต่อสภาพอากาศต่างๆ
ค.    ความแข็งแรงของร่างกายในการออกกำลังกายอย่างหนัก
              ความพร้อมของร่างกายในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ท้าทาย


หน่วยการเรียนรู้ที่ 9
พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพและความรุนแรง

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1.   ข้อใดเป็นสาเหตุของปัญหาความรุนแรงในครอบครัว
        ก.  พ่อแม่มีเวลาอยู่กับลูก
        ข.  พ่อแม่ทำงานนอกบ้าน
        ค.  พ่อแม่มีลูกคนเดียว
        ง.  พ่อแม่ไม่สั่งสอน
2. พฤติกรรมการรับประทานอาหารต่อไปนี้มีความเสี่ยงต่อ   
       สุขภาพ ยกเว้นข้อใด
        ก.  การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย      
        ข.  การรับประทานอาหารที่มีสารพิษเจือปน
        ค.  การรับประทานอาหารหมักดอง
      ง.  การรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ    
3.   การจัดการกับความโกรธ สามารถทำได้โดยวิธีใด
        ก.  แสดงออกด้วยอาการที่ก้าวร้าว   
        ข.  พิจารณาสาเหตุของปัญหา  
        ค.  มีความละอายที่รู้สึกโกรธ
        ง.  ตำหนิตัวเอง
4.   สิ่งแวดล้อมที่ดีมีผลต่อสุขภาพอย่างไร
ก.     แข็งแรงสมบูรณ์            ข.  ร่างกายผอมซีด
ค.    ป่วยบ่อย               ง.  ซึมเศร้า    
5.   “คนร้ายจี้จับตัวประกันเพื่อแลกค่ารถกลับบ้านที่อีสาน”       
       ปัญหาความรุนแรงดังกล่าว เกิดจากสาเหตุใด
ก.     ความบกพร่องทางพันธุกรรม
ข.     การรับค่านิยมที่ผิดๆ
ค.    โรคประสาทหลอน
ง.     ความยากจน
6.  การแก้ไขพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง
     ควรทำอย่างไร
ก.   ควบคุมการโฆษณาที่ชวนเชื่อ
ข.   เพิ่มบทลงโทษผู้ที่กระทำผิด
ค.   แก้ไขค่านิยมทางสังคม
ง.  ให้ความรู้ที่ถูกต้อง
  7.   การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงในข้อใดเหมาะสมที่สุด
     ก.  คบเพื่อนที่มีความประพฤติดีและอยู่ในทำนอง
            คลองธรรม  
     ข.  ไปเที่ยวในสถานที่ที่มีคนเยอะเพราะทำให้รู้สึกคึกคัก
     ค.  ไปไหนกับเพื่อนๆ เป็นกลุ่มใหญ่เสมอ
     ง.   นัดเพื่อนไปดื่มเหล้าในตึกร้าง
  8.   เพราะเหตุใด ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงไม่ควรขับรถ
     ก.  มีเงินเหลือไม่พอจ่ายค่าน้ำมันรถ         
     ข.  ความสามารถในการขับขี่ลดลง
     ค. จำทางกลับบ้านไม่ได้
     ง.  สติปัญญาเสื่อม
  9.  ข้อใดเป็นอันตรายร้ายแรงที่สุดของการติดสารเสพติด
     ก.  ถูกตำรวจจับ               ข.   สมองเสื่อม
     ค.  เสียชีวิต                     ง.  พิการ       
10.   ข้อใดไม่ใช่ผลเสียของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ก.    สิ้นเปลืองเงิน
ข.    เป็นโรคมะเร็ง
ค.   สมองมึนงง
ง.    ผิดศีลข้อ 5

หน่วยการเรียนรู้ที่ 10
การช่วยฟื้นคืนชีพ

คำชี้แจง  ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1.  การจัดท่าผู้ป่วยเพื่อช่วยฟื้นคืนชีพ ควรจัดให้อยู่ในท่าใด
ก.   นอนหงายราบปลายเท้าสูง
ข.   นอนหงายราบบนพื้นแข็ง
ค.  นอนหงายราบบนพื้นนุ่ม
ง.     นอนหงายราบศีรษะต่ำ
2.  ถ้าเด็กเล็กกลืนเศษวัสดุ หรือของเล่นลงคอ จะช่วย        
       ฟื้นคืนชีพอย่างไร
ก.   ให้ตบหลังเด็กแรงๆ 3 ครั้ง หากไม่หลุดออกให้ทำให้
  อาเจียน
ข.     จับเท้าเด็กทั้งสองข้าง ห้อยศีรษะลง แล้วตบหลัง
            เพื่อให้สำลักและไอออกมา
ค.  ใช้มือล้วงคอให้ลึกที่สุดเพื่อหยิบเศษวัสดุออกมา
ง.   ให้ยืนโก่งคอเพื่ออาเจียนเศษวัสดุออกมา
3.  การช่วยฟื้นคืนชีพในสถานการณ์ใด ที่ต้องอาศัยการ
      ปลอบโยนเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย  
ก.   ผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจวาย   ข.  ผู้ป่วยที่ถูกไฟฟ้าช็อต 
ค.  ผู้ป่วยที่สำลักควันไฟ        ง.  ผู้ป่วยที่จมน้ำ          
4.  อาการเจ็บหน้าอกอย่างแรง และปวดร้าวแถบไหล่ซ้าย 
       เป็นอาการของคนป่วยใด
ก.   อัมพาต                       ข.  หัวใจวาย                  
       ค.  เบาหวาน                    ง.  ความดันโลหิตสูง        
5.  ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้ป่วยที่หัวใจหยุดทำงาน
       ก.  รูม่านตาขยาย หรือมีอาการชัก
       ข.  คลำชีพจรข้างๆ ลำคอได้
       ค.  ฟังเสียงหัวใจไม่ได้
    ง.  ตัวซีดและเขียว
6.  หลักการช่วยฟื้นคืนชีพ จะต้องปฏิบัติสิ่งใดเป็นอันดับแรก
        ก.  เปิดทางเดินหายใจ         ข.  ช่วยหายใจ          
        ค.  ผายปอด                     ง.  นวดหัวใจ  
7.  วิธีการประเมินการหายใจของผู้ป่วยโดยวิธี ตาดู หูฟัง
        แก้มสัมผัส  คำว่า หูฟัง คือการปฏิบัติอย่างไร
ก. การฟังเสียงขอความช่วยเหลือจากผู้ป่วย
ข. การสัมผัสลมหายใจบริเวณจมูกและปากของผู้ป่วย
ค. การฟังเสียงลมหายใจบริเวณจมูกและปากของผู้ป่วย
ง.  การสังเกตการเคลื่อนไหวของทรวงอกของผู้ป่วย
8.  การช่วยหายใจ แบบปากต่อจมูก (Mouth to Nose)
       เหมาะสำหรับผู้ป่วยในข้อใด
       ก.  ผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บในปาก หรือในเด็กเล็ก
       ข.  ผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บน้อย
       ค.  ผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุ
       ง.  ผู้ป่วยที่หายใจเองได้           
9.  ถ้าผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น จะต้องได้รับการช่วยเหลือ          
     ในเวลาเท่าใด
       ก.  ไม่ควรให้เกิน 10 นาที หลังหัวใจหยุดเต้น
       ข.  ไม่ควรให้เกิน 7 นาที หลังหัวใจหยุดเต้น
       ค.  หลังจากหัวใจหยุดเต้น 5 นาที
       ง.   ภายในเวลา 5 นาที
10.   เพราะเหตุใด จึงไม่ควรคลำชีพจรด้วยนิ้วหัวแม่มือ
ก.    เพราะเส้นเลือดที่นิ้วหัวแม่มือมีน้อย รับความรู้สึกได้ช้า
ข.    เพราะนิ้วหัวแม่มือมีผิวสัมผัสที่หยาบ รับความรู้สึกได้น้อย
ค.   เพราะนิ้วหัวแม่มือมีขนาดใหญ่ ไม่เหมาะในการจับ
ชีพจรในส่วนที่แคบๆ
ง.    เพราะเส้นเลือดที่นิ้วหัวแม่มือเต้นแรง อาจทำให้
            สับสนกับชีพจรของตนเองได้



1 ความคิดเห็น:

  1. เป้าหมายและหลักการของการส่งเสริมสุขภาพในชุมชน
    คือข้อใด
    ก. การใช้การรักษาพยาบาลตามแผนการรักษา
    ข. การฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย
    ค. การส่งเสริมและการป้องกันโรค
    ง. การป้องกันและควบคุม

    ตอบลบ